เด็กจบใหม่ยุค New Normal จะหางานยากกว่าเดิม หากไม่เตรียมพร้อม
1 การใช้เครื่องมือออนไลน์อย่างเชี่ยวชาญ
เมื่อทุกคนใช้ระบบออนไลน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น การทำงานก็ต้องใช้เครื่องมือออนไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงการนำมาใช้ในระบบประสานงาน อัปเดตงาน หรือประชุมงาน ซึ่งหลายองค์กรก็อาจมีการให้หลายอาชีพทำงานที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้นด้วย
เครื่องมือออนไลน์ต่างๆ อาทิ Facebook ,IG ,Line ,Messenger ,Google Meet หรือ Zoom ฯลฯ น้องต้องใช้เป็นอย่างเชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งก็คือ ต้องใช้เป็นในระดับที่สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมต่อการทำงานให้กับองค์กร จะแค่พอใช้เป็น แบบนี้ไม่ได้นะครับ
ดังนั้น ก่อนจะสมัครและสัมภาษณ์งาน ศึกษาให้ดีครับว่ามีเครื่องมือออนไลน์อะไรบ้างที่เหมาะสมในการนำมาใช้ทำงานในตำแหน่งงานที่น้องสนใจสมัคร
สมมติ ตำแหน่งการตลาด เบื้องต้นน้องก็ต้องดูว่า ประเภทธุรกิจขององค์กรและสินค้าหรือบริการคืออะไร เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าคือ อาหารเช้าสำหรับคนรักสุขภาพ การทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ก็สามารถใช้ได้ทั้ง Line , Facebook ,IG แต่น้องก็ต้องวิเคราะห์เพิ่มด้วยว่า จะทำอย่างไรให้การใช้เครื่องมือนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด
เช่น ช่วงเวลาในการโพสต์ Content ก็ไม่ควรไปเน้นโพสต์ในช่วงหลัง 4 ทุ่ม เพราะคนรักสุขภาพส่วนใหญ่จะไม่นอนดึก ซึ่งการวิเคราะห์นี้ก็ต้องคอยติดตามพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายในเรื่องของช่วงเวลาในการใช้ออนไลน์อยู่ตลอดด้วย
ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการประสานงานหรือประชุมงาน ก็ต้องทำความรู้จักกับมันไปล่วงหน้าด้วย ต้องรู้ว่า การใช้งานต้องเข้าระบบอย่างไร แต่ละเครื่องมือ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ น้องสามารถเขียนลงในเรซูเม่ได้เลยนะครับ ว่าน้องมีทักษะการใช้เครื่องมืออะไรบ้าง แล้วข้อมูลที่เป็นรายละเอียดการใช้ น้องก็เตรียมตัวไป Present ในวันสัมภาษณ์ด้วยนะครับ
2 การวางแผนเชิงลึกที่ใช้ได้จริง
เราไม่รู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง วิกฤติ COVID – 19 สอนให้ทุกคนรู้ว่า การวางแผน คือสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะกับองค์กรที่ต้องปรับตัวให้ทันและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จากการวางแผนของทุกคนในองค์กรที่ต้องร่วมมือกัน
การวางแผนเชิงลึกที่ว่านี้ จะต้องเป็นแผนที่ช่วยเตรียมตัวและคอยรองรับองค์กรให้ไม่ต้องรับผลกระทบ หรือกระทบน้อยที่สุด เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
แล้วแบบไหนถึงจะลึกพอ และจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ได้จริง ?
หลักสำคัญง่ายๆ แผนนั้นจะต้องสามารถสร้างการรับรู้ การจดจำ จนถึงความภักดีในสินค้า (Brand Loyalty) จากลูกค้าให้มีมากขึ้นเรื่อย ๆได้ เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าหรือบริการขององค์กรตลอดไป และไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด เราก็จะเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าเสมอ
ส่วนจะใช้ได้จริงหรือไม่นั้น อาจต้องดูที่จำนวนทรัพยากรต่างๆ ที่มีในองค์กร รวมถึงต้องอ้างอิงจากแผนการทำงานเดิมที่คนในองค์กรเคยทำด้วย
แต่กรณีที่น้องเพิ่งจบใหม่และกำลังจะเข้าไปทำงาน อาจลองฝึกคิดวิเคราะห์แผนการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและไม่ต้องใช้จำนวนคนในการดำเนินงานมากก่อนก็ได้ครับ
สมมติ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ตำแหน่งการตลาด น้องอาจมีแผนว่า ควรเพิ่ม Content ที่เป็นความรู้เรื่องอาหารที่สร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงในช่องทางออนไลน์ เพราะตอนนี้ ทุกคนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึง การรับรู้ และเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเปิดใจให้กับสินค้าขององค์กร
3 การทำงานเป็นทีมอย่างมืออาชีพ
งานจะสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม (TeamWork) อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะตอนนี้และต่อๆ ไปที่การทำงานที่บ้านซึ่งต้องประสานงาน ส่งงาน และสื่อสารกันผ่านออนไลน์มากขึ้น การทำงานเป็นทีมก็ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นอีก
แต่การที่คนในทีมจะร่วมมือกันทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างสมบูรณ์นั้นเป็นไปได้ยากมาก ฉะนั้น ต้องเริ่มที่น้องเท่านั้นครับ น้องจะบริหารการทำงานกับทีมยังไง ให้งานเสร็จตรงเวลาและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ประเด็นนี้ HR อาจยกตัวอย่างมาถามน้องในวันสัมภาษณ์ก็ได้นะครับ เพื่อดูว่าน้องจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมรึเปล่า
เช่น กรณีน้องมีหน้าที่ต้องส่งข้อมูลและตามงาน แต่เพื่อนร่วมงานส่งงานช้า ทำให้ไม่มีเวลาตรวจสอบและปรับแก้งานให้มีประสิทธิภาพได้มากพอ
แน่นอนครับ การทำงานมีอะไรก็พูดกันตรงๆ คือดีที่สุด แต่ต้องไม่ใช้อารมณ์นะครับ เพราะเราต้องทำงานเป็นทีมอย่างมืออาชีพ
เริ่มแรก ควรเป็นการพูดคุยกันเองจะดีกว่า พูดถึงปัญหาและผลเสียที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายเข้าใจ รวมถึงน้องเอง ถ้ารู้ว่าคนนี้ส่งงานช้า น้องอาจต้องปรับเวลาในการส่งข้อมูลและตามงานให้เร็วขึ้นด้วยไหม แล้วต้องเร็วขนาดไหนถึงจะเหมาะสม ได้งานตามที่ต้องการ
แต่ถ้าการพูดคุยนั้นไม่เป็นผล ก็ต้องมีการแจ้งหัวหน้าหรือผู้จัดการ แต่เน้นเหมือนเดิมนะครับ การแจ้งก็ห้ามมีอารมณ์ดราม่าใดๆ ห้ามพูดเกินจริง เพราะเราแจ้งเพื่อให้งานนั้นดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อโจมตีให้อีกฝ่ายถูกมองไม่ดีหรือได้รับความเดือดร้อน
4 การติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา
แผนการที่วางไว้ บางครั้งอาจไม่สามารถนำมาใช้ได้เลย เพราะบางทีอาจมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น จนทำให้ต้องปรับเปลี่ยนแผนทันที เช่นเดียวกับวิกฤติ COVID – 19 ที่เกิดขึ้น หลายองค์กรก็ปรับตัวแทบไม่ทัน แต่ก็ต้องปรับเพื่อความอยู่รอด
ดังนั้น ต้องติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาครับ ต้องรู้ว่า ณ เวลานี้ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ,พฤติกรรมของผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายขององค์กรเป็นอย่างไร ,ตอนนี้เขาชอบหรือไม่ชอบอะไร หรือกระแสที่กำลังมาแรงตอนนี้คืออะไร สอดคล้องกับองค์กรอย่างไร
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าตอนนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ COVID – 19 เบื้องต้นก็ต้องดูที่ประเภทธุรกิจ และสินค้าหรือบริการขององค์กรเช่นเดิมครับ
เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ สินค้าคือครีมทาหน้า เนื่องจากตอนนี้ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย และในสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็มีหลายคนบ่นว่ามีผื่นแพ้ที่ใบหน้า
องค์กรก็ต้องมีสินค้าที่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ เริ่มแรก อาจเป็นการเขียน Content ที่ให้ความรู้ในเรื่องการดูแลผิวหน้าเพื่อรักษาอาการผื่นแพ้ผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วค่อยแนะนำสินค้าขององค์กรที่เป็นตัวช่วยในการรักษาอาการแพ้ให้ดียิ่งขึ้น
ทักษะในข้อนี้ ถือเป็นคุณสมบัติหลักๆ ของคนที่ทุกองค์กรต้องการด้วยนะครับ ซึ่งก็คือ ไม่หยุดเรียนรู้ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และพร้อมออกจาก Comfort Zone ตลอดเวลา
ว่าง่ายๆ ก็คือ คนที่มีคุณสมบัตินี้ จะไม่พยายามหาข้ออ้างเพื่อหนีงาน เพราะไม่ว่างานจะมากขึ้น หรืองานจะยากขึ้น ก็พร้อมลุยตลอดเวลาครับ
พร้อมแล้ว สมัครเลย นายจ้างยุค New Normal รอคนแบบน้องอยู่นะ
และอย่าลืมนำ 4 ทักษะนี้ ไปปรับใช้ในการสัมภาษณ์งานด้วยนะครับ
ทั้งนี้ คำตอบของน้องจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สมัคร และสินค้าหรือบริการขององค์กรครับ